
ฤดูกาล 2019-20 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ
พวกเขาพุ่งเข้าเส้นชัยในพรีเมียร์ลีกเป็นอันดับ 3 จนช่วยให้กลับไปเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีกครั้ง
ผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลถ้วยทั้ง 3 รายการ - ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ และยูโรปา ลีก
ตัวผู้เล่นใหม่ที่ย้ายเข้ามาอย่าง แฮร์รี่ แม็กไกวร์, อารอน วาน-บิสซาก้า, บรูโน่ แฟร์นันด์ส และโอเดี้ยน อีกาโล่ ถือว่า "สอบผ่าน" ยกเว้น ดาเนี่ยล เจมส์ เพียงคนเดียวที่ "สอบตก"
แม้จะไม่ได้แชมป์อะไรเลย แต่ผลงานโดยรวมถือว่าไฉไลกว่าในฤดูกาล 2018-19 อย่างเป็นรูปธรรม
กระนั้นเสียงของผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจแดงก็ยังอุตส่าห์แตกออกเป็น 2 ฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งมองว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นผู้จัดการทีมที่มือไม่ถึง และไม่น่าจะใช่คนที่จะกระชากปีศาจแดงกลับมาจากป่าช้า
อีกฝ่ายหนึ่งมองผ่านเลนส์สีชมพูว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นี่แหละคือคนที่ใช่พลางให้โอกาสกุนซือผู้นี้คุมทีมปีศาจแดงต่อไปเรื่อยๆ ก่อนฝากบอกบรรดาเด็กผีที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้ว่ามันต้องอดทน และกรุณาอย่าใจร้อน เหตุเพราะการสร้างทีมใหม่ให้ประสบความสำเร็จ มันต้องใช้เวลา
ว่าแล้วก็ยกเอาช่วงแรกในการคุมทีมปีศาจแดงของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาเป็นตัวอย่าง
อืมมมมมมมม...นะ
กว่าจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในวันที่ยังไม่มีบรรดาศักดิ์ระดับอัศวิน ใช้เวลานานถึง 7 ปี ก่อนสถาปนา แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นมหาอำนาจลูกหนังอังกฤษ แล้วครอบครองความยิ่งใหญ่ในเมืองหลวงแห่งลูกหนังไปอีก 2 ทศวรรษ
ช่วง 4 ฤดูกาลแรกที่ 'เฟอร์กี้' คุมทีม ผลงานของ แมนฯ ยูไนเต็ด บัดซบมากนะครับ-ขอบอก แม้จะได้ 'รองแชมป์' ลีกสูงสุดอยู่หนึ่งครั้ง ก็เป็นรองแชมป์แบบไม่ได้ลุ้นแชมป์
ฤดูกาล 1986-87 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อันดับที่ 11 ของลีกสูงสุด (เฟอร์กี้ เข้ามาคุมทีมในเดือนพฤศจิกายน 1986)
ฤดูกาล 1987-88 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อันดับที่ 2 ของลีกสูงสุด (ตามหลัง ลิเวอร์พูล 9 แต้ม)
ฤดูกาล 1988-89 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อันดับที่ 11 ของลีกสูงสุด
ฤดูกาล 1989-90 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อันดับที่ 13 ของลีกสูงสุด
ส่วนฤดูกาลแรกที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามารับช่วงต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ในเดือนธันวาคม 2018 - แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อันดับที่ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีก ขณะฤดูกาลล่าสุดที่เพิ่งจบลงไป กุนซือไวกิ้งช่วยให้ปีศาจแดงพุ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 3 อย่างที่ทราบกันดีนั่นแหละ
เห็นไหมล่ะครับว่าผลงานของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในช่วง 2 ฤดูกาลแรก เหนือกว่า 2 ฤดูกาลแรกของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างชัดเจน
แต่ทำไมความรู้สึกของเด็กผีที่มีต่อกุนซือ 2 คนนี้ มันถึงแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ???
ทำไมและทำไม อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในนาทีนั้นถึงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และนาทีนี้
เรื่องมันก็ผ่านไปนมนานกาเลแล้วนะครับ ทว่าด้วยโทษฐานที่ผมโตทันในยุคโน้นจึงขอขูดความทรงจำ เพื่อนำมาเล่าสู่ว่าเหตุไฉนแฟนบอลของปีศาจแดงในยุคโน้นถึงอดทน และยอมให้โอกาสกุนซือชาวสก๊อตแลนด์ผู้นี้ทำงานต่อไปอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ โดยไม่ขับไล่ ไม่สาปส่งกันตั้งแต่แรก กระทั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด สถาปนาตัวเองเป็นมหาอำนาจลูกหนังได้สำเร็จในที่สุด
1. ยุคโน้นไม่มีโลกโซเชี่ยลให้แฟนบอลทั่วไป รวมถึงพวกตลาดล่างเข้ามาถ่มถุยกันอย่างสนุกสนานรื่นเริงเหมือนในยุคปัจจุบัน
แฟนบอลในยุคโน้นจึงมีความอดทนสูงกว่า แถมใจเย็นมากกว่าแฟนบอลในยุคนี้แบบคนละเรื่องกันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าถ้าตอนโน้นโลกเน่าๆ ของเราถูกครอบงำด้วยระบบโซเชี่ยลมีเดีย
บอกได้คำเดียวครับว่า...เละ!
2. ยุคโน้นยังไม่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษ
ศึก ดิวิชั่น 1 โบราณที่ปัจจุบัน เรียกว่า "พรีเมียร์ลีก" แข่งขันกันเฉพาะวันเสาร์ ตอนบ่าย 3 เท่านั้น
ไม่มีการถ่ายทอดสดที่อังกฤษ และหากอยากเห็นฟอร์มการเล่นว่าเป็นอย่างไร คุณก็ต้องเดินทางไปดูที่สนามอย่างเดียว
ส่วนในบางประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็มีถ่ายสดแต่ เอฟเอ คัพ กับ ลีก คัพ นัดชิงชนะเลิศเท่านั้น
แม้จะมีรายการฟุตบอลอังกฤษ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ในทีวี ทางช่อง 7 สี ทีวีเพื่อน้องอั้ม-พัชราภา (ให้เสียงภาษาไทยโดย ย.โย่ง) แต่ก็เป็นแค่ไฮไลท์ ไม่ได้เห็นแบบเต็มๆ เกม
หากใครอยากดูฟอร์มการเล่นของทีมที่ตัวเองรักก็ต้องไปเช่าวีดีโอเทปจากร้าน สตาร์ ซอคเกอร์ ที่พันทิป พลาซ่า (เด็กตะโปดแบบผมก็ทำแบบนั้น)
เพราะฉะนั้น เด็กผีส่วนใหญ่ในเมืองมนุษย์จึงติดตามจากผลการแข่งขันแบบแห้งๆ โดยไม่เห็นฟอร์มการเล่นด้วยตาตัวเองสักเท่าไหร่ จึงไม่รู้ว่าพวกเขาเล่นดีหรือห่วยขนาดไหน ด้วยการสื่อสารก็ยังคงเป็นแบบอนาล็อก ไม่ได้รวดเร็วทันใจเหมือนในสมัยนี้
แน่นอนว่าถ้าตอนโน้นมีการถ่ายสดทุกนัดเหมือนตอนนี้คงบอกได้คำเดียวว่า...เละ 555
3. "เฟอร์กี้" เดินทางมาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด พร้อมความหวัง และเชื่อมั่นจากแฟนๆ ว่าจะเป็นผู้กอบกู้ เนื่องจาก 'โปรไฟล์' ที่นำติดตัวมานั้นไม่ธรรมดา
เพราะเขาคือกุนซือหนุ่มใหญ่วัย 45 ที่หาญกล้านำทีมเล็กๆ อย่าง อเบอร์ดีน โค่นอำนาจของ 'ดิ โอลด์ เฟิร์ม' (เซลติก & เรนเจอร์ส) ที่ครองอำนาจในสก๊อตแลนด์แบบผูกขาด
ทีมสิงห์แดงของคุณป๋าตอนยังหนุ่มคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของ สกอตแลนด์ 3 สมัย เอฟเอ คัพ (สก๊อตติช คัพ) อีก 4 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย แถมยังอหังการถึงขั้นล้ม เรอัล มาดริด ในนัดชิงชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ส คัพ อีกต่างหาก
เหล่านี้สร้างเสริมบารมีให้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างบรม เช่นเดียวกับที่สร้างความเชื่อมั่นลึกๆ ให้แฟนบอลปีศาจแดงว่าสักวันหนึ่ง ทีมตัวเองอาจประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้พี่แกยังเป็นกุนซือที่เนื้อหอมมาก ใครๆ ก็อยาก "เอานะ" แต่ป๋าเลือกสร้างอาณาจักร แมนฯ ยูไนเต็ด แทนที่จะเป็น อาร์เซน่อล หรือทีมอื่น
อย่าลืมนะครับว่า ณ ขณะโน้น แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมดังที่ไร้ความสำเร็จ ไม่ใช่ทีมระดับลุ้นแชมป์ และไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกสูงสุดมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยมหาอำนาจลูกหนังในตอนนั้นคือ ลิเวอร์พูล
เด็กผีและนาทีนั้นจึงไม่กดดันตัวเองสักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย
พูดง่ายๆ ว่ามันต่างกรรมต่างวาระกับตอนนี้ที่อาจพูดให้ดูหรูหราว่า...บริบทมันต่างกัน
อย่างไรก็ตาม
4. หลังคุมทีมได้ประมาณ 3 ปีเศษๆ โดยไม่เคยได้แชมป์อะไรเลย แถมผลงานก็ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย พอล่วงเข้าฤดูกาล 1989/90 อันเป็นซีซั่นที่ 4 ของการทำหน้าที่พ่อใหญ่แห่งโอลด์ แทรฟฟอร์ด ลูกทีมของเฟอร์กี้หล่นไปอยู่ครึ่งล่างของตารางซะอย่างนั้น
จำได้ว่าช่วงเวลานั้นบรรดาเด็กผีเริ่มออกอาการงุ่นงานพลางอยากกระโดดถีบหน้าคนกันบ้างแล้ว เช่นเดียวกับที่มีเสียงเรียกร้องว่า...
'เฟอร์กี้ ออกไป'
เมื่อเสียงโห่ไล่เริ่มดังขึ้น และดังขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดก็ได้ตำแหน่งแชมป์ เอฟเอ คัพ นี่แหละที่มาช่วยชีวิตเอาไว้หวุดหวิด
นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของจักรวาลที่นอกจากจะช่วยให้ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่โดนตะเพิดออกจากตำแหน่งแล้ว มันยังนำมาซึ่งความเชื่อมั่นในตัวกุนซือผู้นี้ที่หลังจากนั้นก็ 'ต่อยอด' ด้วยการคว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ในปี 1991, แชมป์ ลีก คัพ ในปี 1992 และลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดแบบเกือบทำสำเร็จในฤดูกาล 1991-92 ก่อนจะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 1992-93
มาร์ติน เอ๊ดเวิร์ดส์ ประธานสโมสรของปีศาจแดงในตอนนั้นเคยให้สัมภาษณ์ภายหลังประมาณว่า... ต่อให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 1990 'เฟอร์กี้' ก็ไม่ถูกไล่ออกจากตำแหน่งหรอก
แต่ผมไม่เชื่อหรอกครับ เพราะจำได้ว่าในช่วงเวลานั้น ขนาดไม่มีโลกโซเชี่ยล กระแสไม่เอาเฟอร์กี้ยังร้อนแรงพอสมควร หากว่าวแดกส์ขึ้นมา รับรองได้ว่าป๋าโดนเชือดอย่างแน่นอน
แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประวัติศาสตร์หลังจากนั้นจะเป็นเช่นไร?
บอ.บู๋
"ออกไป" - Google News
August 21, 2020 at 10:09AM
https://ift.tt/31gzdXe
เฟอร์กี้ออกไป!!! - สยามกีฬา
"ออกไป" - Google News
https://ift.tt/2MnsD8Q
No comments:
Post a Comment